Le chat domestique ou chat d'appartement est un mammifère carnivore de la famille des félidés. Le mot chat vient du bas-latin cattus (chat sauvage). D'après le Littré dans son édition de 1878, cattus proviendrait du verbe cattare, qui signifie guetter, ce félin étant alors considéré comme un chasseur qui guette sa proie.
L’ouïe
Son ouïe est particulièrement sensible dans les hautes fréquences : il perçoit des ultrasons jusqu’à 30 000 Hz alors que l’oreille humaine est limitée à 20 000 Hz. Son pavillon en cornet peut être orienté grâce à vingt-sept muscles, ce qui lui permet de pivoter chaque oreille indépendamment pour localiser avec précision la source d’un bruit et sa distance.
La surdité des chats blancs fait aujourd’hui débat. Cette surdité serait liée à la couleur blanche (gène "W"). Schématiquement, on peut dire que tous les chats blancs sont génétiquement sourds en général. Cette anomalie, bien que présente au niveau génétique, ne s’exprime pas systématiquement chez tous les chats. Ainsi, soit la tare reste cachée et l’oreille se développe normalement, soit la tare se manifeste et dans ce cas la dégénérescence est complète : le chat est totalement sourd de l’oreille atteinte. Sachant qu’un chat a deux oreilles et que l’anomalie n’affecte pas toujours les deux oreilles de la même manière, trois cas se présentent : la surdité est bilatérale, unilatérale ou absent.
Il est en effet démontré que l’allèle W, à l’origine de la couleur « blanc dominant », est directement responsable d’une dégénérescence de l’oreille interne, occasionnant la surdité. Le chaton naît normal mais vers l’âge d’une semaine, son oreille interne, au lieu de continuer à se développer subit des altérations progressives. La dégénérescence est généralement complète à trois semaines.
Pelage
Le pelage du chat est composé de poils longs (jarre) et portant les marques de la robe (taches par exemple). En dessous se trouvent les poils plus courts (bourre), puis le duvet. Cette organisation permet une bonne isolation du corps[2].
Le poil du chat est souvent de plusieures teintes. Noir, blanc, noir, blanc… La longueur d’une des teintes est plus ou moins longue selon la race. Le Bombay est un des seuls chats à avoir le poil tout noir. Son poil est uni, sans taches ni raillures.
Les types de pelages sont nombreux, car très variables en fonction des races. Il existe des poils longs, courts, frisés, et même crépus. Le sphynx, parfois appelé chat-nu, est une race presque dépourvue de poils : un très léger duvet recouvre le corps, ainsi que la queue[2].
De même, la couleur de la fourrure du chat peut prendre de nombreuses teintes et marques. Certains individus présentent de larges taches, d’autres des rayures ou des mouchetures, d’autres encore un pelage uni[2].
Dans certains pays, la fourrure du chat fait l’objet, comme celle du chien, d’une demande importante dans les industries de la mode. De nombreuses associations de protection des animaux condamnent cet usage des chats[2].
วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551
Chinese New Year
Chinese New Year
Chinese New Year or Spring Festival (simplified Chinese: 春节; traditional Chinese: 春節; pinyin: Chūnjié), or the Lunar New Year (simplified Chinese: 农历新年; traditional Chinese: 農曆新年; pinyin: Nónglì xīnnián), is the most important of the traditional Chinese holidays. It is an important holiday in East Asia. The festival traditionally begins on the first day of the first lunar month (Chinese: 正月; pinyin: zhēng yuè) in the Chinese calendar and ends on the 15th; this day is called lantern Festival (simplified Chinese: 元宵节; traditional Chinese: 元宵節;pinyin: yuánxiāojié).
Chinese New Year's Eve is known as Chúxī (除夕). Chu literally means "change" and xi means "Eve".
Celebrated in areas with large populations of ethnic Chinese, Chinese New Year is considered a major holiday for the Chinese and has had a strong influence on the new year celebrations of its geographic neighbours, as well as cultures with whom the Chinese have had extensive interaction. These include Korene, Mongolians, nepalese, Bhutanese,Vietnamese, and formerly the Japanese before 1873. In Singapore, Indonesia, Maleysia, the philippine, thailand, and other countries with significant Chinese populations, Chinese New Year is also celebrated, largely by Oversaes Chinese, but it is not part of the traditional culture of these countries. In Canada, although Chinese New Year is not an official holiday, many ethnic Chinese hold large celebrations and Canada Post issues New Year's themed stamps in domestic and international rates.
วันตรุษจีน
คืนก่อนวันตรุษจีน ตามภาษาจีนกลาง หมายถึงการผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน
ตรุษจีน มีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ตรุษจีนถือเป็นวันหยุดที่สำคัญมากช่วงหนึ่งของชาวจีน และยังแผ่อิทธิพลไปถึงการฉลองปีใหม่ของชนชาติที่อยู่รายรอบ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เมี่ยน ม้ง มองโกเลีย เวียดนาม ทิเบต เนปาลและภุฐาน สำหรับชาวจีนที่อาศัยอยู่ต่างถิ่นกันก็จะมีประเพณีเฉลิมฉลองต่างกันไป ในประเทศไทย
Chinese New Year or Spring Festival (simplified Chinese: 春节; traditional Chinese: 春節; pinyin: Chūnjié), or the Lunar New Year (simplified Chinese: 农历新年; traditional Chinese: 農曆新年; pinyin: Nónglì xīnnián), is the most important of the traditional Chinese holidays. It is an important holiday in East Asia. The festival traditionally begins on the first day of the first lunar month (Chinese: 正月; pinyin: zhēng yuè) in the Chinese calendar and ends on the 15th; this day is called lantern Festival (simplified Chinese: 元宵节; traditional Chinese: 元宵節;pinyin: yuánxiāojié).
Chinese New Year's Eve is known as Chúxī (除夕). Chu literally means "change" and xi means "Eve".
Celebrated in areas with large populations of ethnic Chinese, Chinese New Year is considered a major holiday for the Chinese and has had a strong influence on the new year celebrations of its geographic neighbours, as well as cultures with whom the Chinese have had extensive interaction. These include Korene, Mongolians, nepalese, Bhutanese,Vietnamese, and formerly the Japanese before 1873. In Singapore, Indonesia, Maleysia, the philippine, thailand, and other countries with significant Chinese populations, Chinese New Year is also celebrated, largely by Oversaes Chinese, but it is not part of the traditional culture of these countries. In Canada, although Chinese New Year is not an official holiday, many ethnic Chinese hold large celebrations and Canada Post issues New Year's themed stamps in domestic and international rates.
วันตรุษจีน
คืนก่อนวันตรุษจีน ตามภาษาจีนกลาง หมายถึงการผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน
ตรุษจีน มีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ตรุษจีนถือเป็นวันหยุดที่สำคัญมากช่วงหนึ่งของชาวจีน และยังแผ่อิทธิพลไปถึงการฉลองปีใหม่ของชนชาติที่อยู่รายรอบ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เมี่ยน ม้ง มองโกเลีย เวียดนาม ทิเบต เนปาลและภุฐาน สำหรับชาวจีนที่อาศัยอยู่ต่างถิ่นกันก็จะมีประเพณีเฉลิมฉลองต่างกันไป ในประเทศไทย
อาหารมงคลไหว้ตรุษจีน
อาหารมงคลในการไหว้ตรุษจีน
ชุดผลไม้ที่มีความหมายมงคล เช่น
1. ส้ม คนจีนแต้จิ๋วเรียกแบบชาวบ้านว่า กา แต่ส้มมีอีกคำเรียกว่า ไต้กิก ไต้ แปลว่า ใหญ่ กิก แปลว่า มงคล ไต้กิก จึงแปลว่า มหาสิริมงคล แต่ถ้าแปลง่ายๆ แบบชาวบ้านก็คือโชคดี
2. กล้วย จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า เก็ง-เจีย จะเล่นเสียงว่า เก็ง-เจีย-เก็ง-ไล้ แปลว่า ถึงโชคเข้ามา กับอีกความหมายว่า กล้วย มีผลมากมายแถมเป็นเครือ จึงมีมงคลให้ลูกหลานมากๆ มีวงศ์วานว่านเครือสืบสกุล
3. องุ่น จีนแต้จิ๋วเรียกว่า พู่-ท้อ พู่ ก็คือ งอก หรืองอกงาม ท้อ ก็คือ พ้องเสียงกับลูกท้อที่เป็นผลไม้มงคล อายุยืน
4. สับปะรด คนจีนแต้จิ๋วเรียก อั้งไล้ แปลว่า เรียกสีแดงมา สีแดงเป็นสีของโชค ก็ประมาณว่าเรียกโชคเข้ามา คนจีนทางใต้นิยมไหว้สับปะรดมาก
ชุดของไหวั้ที่เป็นอาหารคาว
ชุดของไหว้ที่เป็นของคาว 5 อย่าง ได้แก่ หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร (ต่อมากุ้งมังกรหายาก จึงเปลี่ยนเป็นเป็ดสำหรับคนจีนแต้จิ๋ว และเปลี่ยนเป็นปลาหมึกแห้ง สำหรับคนจีนแคะ)หมู มีความหมายถึงความมั่งคั่ง ด้วยความอ้วนของตัวหมู สะท้อนถึงความกินดีอยู่ดีไก่ มีมงคล 2 อย่างคือ
1. หงอนไก่สื่อถึงหมวกขุนนาง ความหมายมงคลจึงเป็นความก้าวหน้าในงาน
2. ไก่ขันตรงเวลาทุกเช้า สะท้อนถึงการรู้งานตับ คำจีนเรียกว่า กัว พ้องเสียงกับคำว่า กัว ที่แปลว่าขุนนางปลา คนจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ฮื้อ โดยมีวลีมงคล อู่-ฮื้อ-อู่-ชื้ง แปลว่า ให้เหลือกินเหลือใช้ ไหว้ปลาเพื่อให้มีเงินเหลือกินเหลือใช้มาก ๆกุ้งมังกร ไหว้ด้วยรูปลักษณ์ของกุ้งที่หัวใหญ่ มีก้ามให้ความรู้สึกถึงอำนาจวาสนา
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551
FETE DE LA FRANCOPHONIE 2008
ก้อเป็นอีกงานที่จัดเกี่ยวกับฝรั่งเศสนะคะ...ไปเป็นครั้งที่2แล้วก็ยังให้ความรู้สึกว่า...โอ้โห..เพราะคนที่มาร่วม
งานเยอะมาก(อย่างที่เห็นเลยล่ะค่ะ)ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนที่มาจากโรงเรียนต่างๆ อาทิ เตรียมอุดม
ศึกษา จิตรลดา เซนต์โยแซฟ รวมทั้งโรงเรียนราชินีบูรณะของเรา(น่าจะมีคนไปเยอะที่สุดนะคะ)...ปีนี้พวก
กิจกรรมต่างๆก็มี ร้องเพลงคาราโอเกะฝรั่งเศส แสดงละคร (สนุกมากๆ) ร้องเพลงประสานเสียง(เด็กตัวเล็กๆ
ร้องน่ารักมากค่ะ)แล้วก็มีตอบคำถามชิงรางวัลเกี่ยวกับฝรั่งเศสมากมากมายเลย และที่สำคัญคือ
เปตองนั่นเองค่ะ เพราะโรงเรียนของเราส่งเพื่อนๆเข้าร่วมแข่งขันด้วย และได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ(น่า
ปลื้มมาก)แต่ผลการแข่งขันเป็นยังไงบ้างยังไม่ทราบเลย ส่วนเกมส์คำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสนั่น โรงเรียนเราก็
ส่งเพื่อนๆเข้าแข่งขันเหมือนกัน แต่น่าเสียดายค่ะที่เราตกรอบเลยล่ะเพราะเรายังไม่รู้แนวทางการแข่งขันนั่นเ
อง(เพื่อนที่ร่วมแข่งขันบอกอย่างนั้น)ตอนที่อธิบายกฎการแข่งขันเขาพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสหมดเลย เพื่อนๆเ
ลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก555+แต่ไม่เป็นไรสู้ใหม่นะจ้า(เป็นประสบการณ์ไง)ก็ได้ให้ความรู้มากมายเลย
สำหรับงานนี้... เป็นการเปิดตาเพื่อมองหาสิ่งดีในชีวิตอีกครั้งหนึ่งค่ะ
วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551
ภาษาฝรั่งเศสน่ารู้(mot intéressant)
• Cedex (เซแด๊กซ์)คุณจะได้พบเห็นคำ Cedex นี้ปรากฎตามที่อยู่ของเมืองต่างๆ หรือจ่าหน้าซองตามระบบไปรณีย์ของฝรั่งเศส เช่นMNEF, 22, bd Saint-Michel, 75270 Paris Cedex 06, Franceหรือ Parc Valrose, 06034 Nice Cedex, France คำ Cedex ดังกล่าวมิใช่รหัสไปรษณีย์ แต่ทว่าเป็นคำย่อของ Courrier d' Entreprise à Distribution Exceptionnelle ซึ่งหมายถึงไปรษณีย์ภัณฑ์ของหน่วยงาน หรือบริษัทที่มีการนำจ่ายเป็นกรณีพิเศษ
จาก "ศัพท์ทันโลก" Word Watch โดย ด.ร. รอน คำอินไชย
• Chauffeur (โชเฟอร์) ความต้องการของมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสที่ได้ขับขี่รถยนต์คันแรกซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังไอนํ้าในตอนนั้นก็คือใครสักคนที่คอยเติมเชื้อเพลิงใต้หม้อไอนํ้าและคอยควบคุมไฟในเตาให้ติดดีนี่เองที่เป็นที่มาของคำว่า chauffeurซึ่งหมายถึงผู้ที่คอยทำให้เกิดความร้อน สมัยต่อมาเมื่อมีการประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่มีการสันดาปเชื้อเพลิงเหลวภายในเครื่องและสามารถทำงานได้ดีกว่าหม้อไอนํ้า หน้าที่ใหม่ของ chauffeur จึงกลายเป็นการควบคุมหรือขับขี่รถยนต์ ที่เรียกว่า "สารถี" รวมทั้งต้องคอยเติมเชื้อเพลิงให้เพียงพอด้วย ...** chauffer ** เป็นคำกริยา แปลว่า "ทำให้อบอุ่น หรือ ทำให้ร้อน" ...** se chauffer ** แปลว่า "อุ่นร่างกาย" ...** chauffage ** แปลว่า "การทำให้อบอุ่น หรือ เรื่องทำความอบอุ่นในบ้านหรืออาคาร" ...ส่วน ** chauffard** หมายถึง "คนขับรถแบบคนบ้าหรือไร้มารยาท"
จาก ... "ตำนานคำศัพท์" โดย นิจิต จิตบุณย์
• Au pair (โอแปร์)(jeune fille au pair) หมายถึงนักศึกษาู้หญิงที่ไปพักอาศัยกับครอบครัวหนึ่งครอบครัวใดในต่างประเทศเพื่อศึกษา หรือ เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมในประเทศนั้นโดยมีที่พักและอาหารแลกเปลี่ยนกับการช่วยทำงานให้โดยไม่มีค่าจ้างแต่อาจได้รับเงินติดกระเป๋าเล็กๆน้อยๆได้ "Cette jeune fille travaille au pair."
จาก "ศัพท์ทันโลก" Word Watch โดย ด.ร. รอน คำอินไชย
• Tennisเป็นคำภาษาอังกฤษที่มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส"tenez" (ออกเสียง "เตเนซ" ตามสำเนียงอังกฤษ แปลว่า จับ ยึด หรือ รับให้อยู่) สะกดตามการออกเสียงภาษาอังกฤษ เป็น "tennis"แล้วฝรั่งเศสก็รับกลับมาใช้ตามการสะกด และความหมายแบบอังกฤษ คือ 1. กีฬาเทนนิส "Elle aime jouer au tennis." [หล่อนชอบเล่นเทนนิส]2. รองเท้ากีฬา (ผ้าใบ พื้นยาง)"On met des tennis pour faire du sport."[เราสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อเล่นกีฬา]
• Copain (n.m. , adj.) (โก-แปง) - Copine (n.f.) (โก-ปิน) = เพื่อนมาจากภาษาลาติน "cumpainz" (qui mange son pain avec =คนที่เราแบ่งขนมปังด้วย แผลงเป็น "compain" และ "copain" (com = co = "avec") + painpetit copain = petit ami (= แฟน) "Elle vient avec son petit copain" (เธอมากับแฟนของเธอ)
ขอขอบคุณ: www.rn.ac.th/kk เรื่องภาษาฝรั่งเศสน่ารู้ค่ะ
จาก "ศัพท์ทันโลก" Word Watch โดย ด.ร. รอน คำอินไชย
• Chauffeur (โชเฟอร์) ความต้องการของมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสที่ได้ขับขี่รถยนต์คันแรกซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังไอนํ้าในตอนนั้นก็คือใครสักคนที่คอยเติมเชื้อเพลิงใต้หม้อไอนํ้าและคอยควบคุมไฟในเตาให้ติดดีนี่เองที่เป็นที่มาของคำว่า chauffeurซึ่งหมายถึงผู้ที่คอยทำให้เกิดความร้อน สมัยต่อมาเมื่อมีการประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่มีการสันดาปเชื้อเพลิงเหลวภายในเครื่องและสามารถทำงานได้ดีกว่าหม้อไอนํ้า หน้าที่ใหม่ของ chauffeur จึงกลายเป็นการควบคุมหรือขับขี่รถยนต์ ที่เรียกว่า "สารถี" รวมทั้งต้องคอยเติมเชื้อเพลิงให้เพียงพอด้วย ...** chauffer ** เป็นคำกริยา แปลว่า "ทำให้อบอุ่น หรือ ทำให้ร้อน" ...** se chauffer ** แปลว่า "อุ่นร่างกาย" ...** chauffage ** แปลว่า "การทำให้อบอุ่น หรือ เรื่องทำความอบอุ่นในบ้านหรืออาคาร" ...ส่วน ** chauffard** หมายถึง "คนขับรถแบบคนบ้าหรือไร้มารยาท"
จาก ... "ตำนานคำศัพท์" โดย นิจิต จิตบุณย์
• Au pair (โอแปร์)(jeune fille au pair) หมายถึงนักศึกษาู้หญิงที่ไปพักอาศัยกับครอบครัวหนึ่งครอบครัวใดในต่างประเทศเพื่อศึกษา หรือ เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมในประเทศนั้นโดยมีที่พักและอาหารแลกเปลี่ยนกับการช่วยทำงานให้โดยไม่มีค่าจ้างแต่อาจได้รับเงินติดกระเป๋าเล็กๆน้อยๆได้ "Cette jeune fille travaille au pair."
จาก "ศัพท์ทันโลก" Word Watch โดย ด.ร. รอน คำอินไชย
• Tennisเป็นคำภาษาอังกฤษที่มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส"tenez" (ออกเสียง "เตเนซ" ตามสำเนียงอังกฤษ แปลว่า จับ ยึด หรือ รับให้อยู่) สะกดตามการออกเสียงภาษาอังกฤษ เป็น "tennis"แล้วฝรั่งเศสก็รับกลับมาใช้ตามการสะกด และความหมายแบบอังกฤษ คือ 1. กีฬาเทนนิส "Elle aime jouer au tennis." [หล่อนชอบเล่นเทนนิส]2. รองเท้ากีฬา (ผ้าใบ พื้นยาง)"On met des tennis pour faire du sport."[เราสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อเล่นกีฬา]
• Copain (n.m. , adj.) (โก-แปง) - Copine (n.f.) (โก-ปิน) = เพื่อนมาจากภาษาลาติน "cumpainz" (qui mange son pain avec =คนที่เราแบ่งขนมปังด้วย แผลงเป็น "compain" และ "copain" (com = co = "avec") + painpetit copain = petit ami (= แฟน) "Elle vient avec son petit copain" (เธอมากับแฟนของเธอ)
ขอขอบคุณ: www.rn.ac.th/kk เรื่องภาษาฝรั่งเศสน่ารู้ค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551
Galyani Vadhana
Galyani Vadhana (née le 6 mai 1923 à Londres, Royaume-Uni et morte le 2 janvier 2008 à Bangkok, Thaïlande), est une princesse du royaume de Thaïlande, sœur aînée du roi Rama IX. Son nom officiel est Somdej Phra Chao Pheenang Ther Chao Fa Galyani Vadhana Kromma Luang Narathiwat Rajanagarindra (traduisible par Son altesse royale princesse Galyani Vadhana, princesse de Narathiwat).
Elle est la fille unique du prince Mahidol Adulyadej of Songkla, fils du roi Chulalongkorn (Rama V) et de la reine Savang Vadhana, et de Sangwal Talabhat (plus tard connue comme princesse Srinagarindra, la princesse mère). Elle est premièrememnt prénommée "May" sur son acte de naissance avant d'être baptisée sous le nom de Mom Chao Galyani Vadhana Mahidol par le roi Vajiravudh (Rama VI). Son nom "Vadhana" vient d'un de ceux de sa grand-mère paternelle, Savang Vadhana. En 1927, elle est en conséquence promue au rang royal, comme princesse de Thaïlande (Phra Vorawongse Ther Phra Ong Chao) par le roi Prajadhipok (Rama VII).
Pendant la Seconde guerre mondiale, elle épouse le Colonel Aram Rattanakul Serireongrit, alors militaire thaï rattaché à la Suisse. De cette union naît une fille Thanpuying Dhasanawalaya Sornsongkram. Ils divorcent et la princesse se remarie avec le prince Varananda Dhavaj, décédé en 1990.
Avec le soutien de la princesse royale, des projets sont mis sur pied pour les arts thaï, l'éducation, le sport, le revenu minimum. Elle est présidente ou présidente honoraire de nombreuses organisations et fondations, parmi lesquelles Cardiac Children’s Foundation, Princess Mother’s Charity Fund, Autistic Foundation of Thailand. Elle crée sa propre fondation de financement d'études de musiciens prometteurs.
Elle est le patron d'un grand nombre de fondations de la musique classique. Durant son enfance, elle est restée en Suisse. Donc, elle peut parler couramment le français et l'allemand. Elle a créé l'Académie royale de la langue Française en Thaïlande. Elle a enseigné une fois les étudiants de l'université en Français et en Français des poèmes. Elle a également traduit des livres de Français en thaï. Elle a introduit la culture Française en Thaïlande. Elle a fait de nombreux voyages hors de la Thaïlande, représentant la famille royale thaïlandaise et de son pays.
La princesse est admise au Siriraj Hospital en juin 2007 pour des douleurs abdominales. Les médecins diagnostiquent un cancer. En octobre 2007, la princesse est victime d'un infarctus à l'hémisphère cérébral gauche causé par l'occlusion d'une artère cérébrale. Le 13 du même mois, le roi Rama IX est hospitalisé lui aussi pour un caillot de sang au cerveau, qui après sa sortie le 7 novembre rend visite à sa sœur quasi quotidiennement. Le 14 décembre, un bulletin de santé fait part de son état de grande fatigue.
Elle décède dans cet hôpital le 2 janvier 2008, âgée de 84 ans. Il est déclaré un deuil national de 100 jours.
Récupérée de « http://fr.wikipedia.org/wiki/Galyani_Vadhana »
Elle est la fille unique du prince Mahidol Adulyadej of Songkla, fils du roi Chulalongkorn (Rama V) et de la reine Savang Vadhana, et de Sangwal Talabhat (plus tard connue comme princesse Srinagarindra, la princesse mère). Elle est premièrememnt prénommée "May" sur son acte de naissance avant d'être baptisée sous le nom de Mom Chao Galyani Vadhana Mahidol par le roi Vajiravudh (Rama VI). Son nom "Vadhana" vient d'un de ceux de sa grand-mère paternelle, Savang Vadhana. En 1927, elle est en conséquence promue au rang royal, comme princesse de Thaïlande (Phra Vorawongse Ther Phra Ong Chao) par le roi Prajadhipok (Rama VII).
Pendant la Seconde guerre mondiale, elle épouse le Colonel Aram Rattanakul Serireongrit, alors militaire thaï rattaché à la Suisse. De cette union naît une fille Thanpuying Dhasanawalaya Sornsongkram. Ils divorcent et la princesse se remarie avec le prince Varananda Dhavaj, décédé en 1990.
Avec le soutien de la princesse royale, des projets sont mis sur pied pour les arts thaï, l'éducation, le sport, le revenu minimum. Elle est présidente ou présidente honoraire de nombreuses organisations et fondations, parmi lesquelles Cardiac Children’s Foundation, Princess Mother’s Charity Fund, Autistic Foundation of Thailand. Elle crée sa propre fondation de financement d'études de musiciens prometteurs.
Elle est le patron d'un grand nombre de fondations de la musique classique. Durant son enfance, elle est restée en Suisse. Donc, elle peut parler couramment le français et l'allemand. Elle a créé l'Académie royale de la langue Française en Thaïlande. Elle a enseigné une fois les étudiants de l'université en Français et en Français des poèmes. Elle a également traduit des livres de Français en thaï. Elle a introduit la culture Française en Thaïlande. Elle a fait de nombreux voyages hors de la Thaïlande, représentant la famille royale thaïlandaise et de son pays.
La princesse est admise au Siriraj Hospital en juin 2007 pour des douleurs abdominales. Les médecins diagnostiquent un cancer. En octobre 2007, la princesse est victime d'un infarctus à l'hémisphère cérébral gauche causé par l'occlusion d'une artère cérébrale. Le 13 du même mois, le roi Rama IX est hospitalisé lui aussi pour un caillot de sang au cerveau, qui après sa sortie le 7 novembre rend visite à sa sœur quasi quotidiennement. Le 14 décembre, un bulletin de santé fait part de son état de grande fatigue.
Elle décède dans cet hôpital le 2 janvier 2008, âgée de 84 ans. Il est déclaré un deuil national de 100 jours.
Récupérée de « http://fr.wikipedia.org/wiki/Galyani_Vadhana »
MV เพลง Umbrella - Rihana
Jay-Z]Ahuh Ahuh (Yea Rihanna)Ahuh Ahuh (Good girl gone bad)Ahuh Ahuh (Take three... Action)Ahuh Ahuh
No clouds in my storms Let it rain, I hydroplane in the bank Coming down with the Dow JonesWhen the clouds come we gone, we Rocafella We fly higher than weather And G5's are better, You know me,an anticipation, for precipitation. Stacked chips for the rainy day Jay, Rain Man is back with little Ms. Sunshine Rihanna where you at?
[Rihanna]You have my heart And we'll never be worlds apart May be in magazines But you'll still be my star Baby cause in the dark You can't see shiny cars And that's when you need me there With you I'll always share Because
[Chorus] When the sun shines, we'll shine together Told you I'll be here forever Said I'll always be a friend Took an oath I'ma stick it out till the end Now that it's raining more than ever Know that we'll still have each other You can stand under my umbrella You can stand under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh eh eh eh)
These fancy things, will never come in between You're part of my entity, here for Infinity When the war has took it's part When the world has dealt it's cards If the hand is hard, together we'll mend your heart Because
Chorus] When the sun shines, we'll shine togetherTold you I'll be here forever Said I'll always be a friend Took an oath I'ma stick it out till the end Now that it's raining more than ever Know that we'll still have each other You can stand under my umbrella You can stand under my umbrella(Ella ella eh eh eh)Under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh eh eh eh)
You can run into my arms It's okay don't be alarmed Come into me There's no distance in between our love So go on and let the rain pour I'll be all you need and more Because
[Chorus]When the sun shines, we'll shine togetherTold you I'll be here foreverSaid I'll always be a friendTook an oath I'ma stick it out till the end Now that it's raining more than ever Know that we'll still have each other You can stand under my umbrella You can stand under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh) Under my umbrella(Ella ella eh eh eh)Under my umbrella(Ella ella eh eh eh eh eh eh)
It's rainingOoh baby it's raining Baby come into me Come into meIt's raining Oh baby it's raining
ศัพท์ “ฝรั่งเศส” มาจากไหน?
ในขณะที่ “เปิดเลนส์ส่องโลก” แพร่ภาพตอนสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี และออสเตรีย ก็มีผู้อ่านท่านที่เคารพเมื่อพบปะนิติภูมิก็สนทนากันแต่เรื่องของยุโรป ผู้อ่านท่านหนึ่งสงสัยว่า “ฝรั่งเศส” หรือ “France” คำนี้รากดั้งเดิมมาจากศัพท์คำใด?
ขอตอบว่า France ฟรานซ์ มาจาก Frank แฟรงค์ ซึ่งพวกนี้เป็นบรรพบุรุษกลุ่มหนึ่งของคนฝรั่งเศสในปัจจุบัน คนฝรั่งเศสมี 58 ล้านคน ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากพวกเคลต์ และละติน อีกพวกหนึ่งก็แฟรงค์นี่แหละ
ขออนุญาตพาท่านผู้อ่านย้อนหลังไปในยุโรปสมัยก่อน ย้อนไปจนถึงในสมัยจักรวรรดิโรมัน ตอนนั้นฝรั่งเศสเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจักรวรรดิ ภายหลังก็โดน พวกแฟรงค์ ซึ่งเป็นคนป่าบุกเข้าไปยึดครอง
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีขนาดเท่ากับไทย ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป ตอนเหนือติดลักเซมเบิร์กกับเบลเยียม ทางตะวันตกติดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติดสเปนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันออกติดอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และก็เยอรมนี
ผู้อ่านหลายท่านคงนึกไม่ถึงนะครับ ว่าพื้นที่ในฝรั่งเศสเพียงครึ่งหนึ่งเป็นที่ราบทางตะวันออก มีเทือกเขาแอลป์เป็นพรมแดนธรรมชาติ แอลป์ในฝรั่งเศสนี่ละครับ เป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตก คือเทือกเขามงบลอง ที่สูงถึง 4,730 เมตร
หลายท่านมักจะดูถูกประเทศเอเชียและแอฟริกา ว่าประเทศเล็กนิดเดียว แต่ดันมีภาษาพูดตั้ง 4–5 ภาษา ชาติเหล่านี้จะมีเอกภาพได้ยังไง? อยากจะเรียนว่า ไม่ใช่เฉพาะประเทศทางเอเชียกับแอฟริกาดอกหรอกครับ ประเทศฝรั่งเศสที่เคยเป็นมหาอำนาจชาติใหญ่ ที่เคยบังคับผู้คนในหลายทวีปพูดภาษาฝรั่งเศสนี่แหละ ก็เที่ยวไปบังคับชาติอื่นให้เลิกภาษาท้องถิ่น ทั้งๆที่ในชาติของตัวเองก็ยังมีพลเมืองพูดภาษาถิ่น อย่างในแคว้นบริตตานี คนฝรั่งเศสที่นั่นพูดภาษาเบรอตอง ท่านลองตระเวนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ซีครับ ตรงนั้นจะมีเทือกเขาพิเรนีสที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างสเปนกับฝรั่งเศส คนฝรั่งเศสตามเทือกเขาพิเรนีสพูดภาษาบาสก์กับภาษากาตาลัน
ในแคว้นโปรวองซ์ ผู้คนท้องถิ่นก็พูดภาษาโปรวองซัล คนในแคว้นเฟลนเดอร์ส พูดภาษาเฟลมิช และในแคว้นอัลซาซลอแรน พลเมืองฝรั่งเศสแท้ๆ แฮ่ๆ แต่กลับพูดภาษาเยอรมัน
เรื่องต้นกำเนิดของคนยุโรป ก็มีผู้คนสนใจกันเยอะ ว่าเอ๊ะ แท้จริงแล้วพวกอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ บรรพบุรุษของคนพวกนี้มาจากไหนกันแน่ วันนี้มาว่ากันเฉพาะฝรั่งเศสก่อนก็แล้วกันครับ อยากจะเรียนว่า ร่องรอยทางโบราณคดีในดินแดนฝรั่งเศสเนี่ย มีร่องรอยย้อนหลังไปได้ไกลถึงแสนปีทีเดียว มีภาพเขียนตามถ้ำจำนวนมากที่พิสูจน์ได้ว่า เขียนในยุคหิน
ถามว่าใครคือบรรพบุรุษแท้จริงของคนฝรั่งเศส ก็ต้องบอกว่า มนุษย์พันธุ์หนึ่ง ซึ่งชอบรบและเลี้ยงแกะอยู่แถวเทือกเขาแอลไพน์ พวกนี้นี่แหละครับ ภายหลังอพยพจากแอลไพน์เข้ามาในดินแดนฝรั่งเศส ต่อมาพวกกอล ซึ่งเป็นคนเผ่าเคลต์ก็เข้ามารุกราน และก็เริ่มมีอิทธิพลเหนือคนพันธุ์อื่น พวกกอลตั้งบ้านเรือนอยู่ทั่วไปในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และอิตาลีตอนเหนือ แถว 4 ประเทศนี่ในสมัยโบราณก็จึงมีชื่อว่า “กอล” ไปด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า คนฝรั่งเศสเริ่มนับถือศาสนากันเมื่อใดและอย่างไร? ขออนุญาตเรียนอย่างนี้ครับ เมื่อ 700 ปีก่อนที่พระเยซูคริสต์จะประสูติ มีคนกรีกเข้ามาตั้งอาณานิคมที่มัสซิเลีย (ปัจจุบันคือเมืองมาร์เซย์) 121 ปี ก่อนคริสต์ศักราช แม่ทัพโรมันที่มีนามว่า จูเลียส ซีซาร์ เข้ามายึดกอลได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งหมด และก็ตั้งศูนย์การบริหารไว้ที่เมืองลุกดูนัม (ปัจจุบันชื่อว่าเมืองลียง)
ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 อาณาจักรโรมันเสื่อม คนป่าเผ่าเยอรมันก็ตีกอล เมื่ออาณาจักรโรมันเจ๊งเมื่อ ค.ศ.476 พระเจ้าคลอวิสที่ 1 ผู้นำของแฟรงค์ (ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของชนเผ่าเยอรมัน) เป็นใหญ่ในกอล และแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งเบอร์กันดี พระองค์หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เมื่อ ค.ศ.496 จากนั้นก็บังคับให้พวกแฟรงค์ทั้งหลายหันมานับถือศาสนาคริสต์ด้วย
พระเยซูคริสต์ประสูติแล้วถึง 496 ปี พวกแฟรงค์ก็จึงถึงหันมานับถือศาสนาคริสต์
นี่แหละครับ ประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส
ขอขอบคุณ คุณนิติภูมิ นวรัตน์
ขอตอบว่า France ฟรานซ์ มาจาก Frank แฟรงค์ ซึ่งพวกนี้เป็นบรรพบุรุษกลุ่มหนึ่งของคนฝรั่งเศสในปัจจุบัน คนฝรั่งเศสมี 58 ล้านคน ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากพวกเคลต์ และละติน อีกพวกหนึ่งก็แฟรงค์นี่แหละ
ขออนุญาตพาท่านผู้อ่านย้อนหลังไปในยุโรปสมัยก่อน ย้อนไปจนถึงในสมัยจักรวรรดิโรมัน ตอนนั้นฝรั่งเศสเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจักรวรรดิ ภายหลังก็โดน พวกแฟรงค์ ซึ่งเป็นคนป่าบุกเข้าไปยึดครอง
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีขนาดเท่ากับไทย ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป ตอนเหนือติดลักเซมเบิร์กกับเบลเยียม ทางตะวันตกติดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติดสเปนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันออกติดอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และก็เยอรมนี
ผู้อ่านหลายท่านคงนึกไม่ถึงนะครับ ว่าพื้นที่ในฝรั่งเศสเพียงครึ่งหนึ่งเป็นที่ราบทางตะวันออก มีเทือกเขาแอลป์เป็นพรมแดนธรรมชาติ แอลป์ในฝรั่งเศสนี่ละครับ เป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตก คือเทือกเขามงบลอง ที่สูงถึง 4,730 เมตร
หลายท่านมักจะดูถูกประเทศเอเชียและแอฟริกา ว่าประเทศเล็กนิดเดียว แต่ดันมีภาษาพูดตั้ง 4–5 ภาษา ชาติเหล่านี้จะมีเอกภาพได้ยังไง? อยากจะเรียนว่า ไม่ใช่เฉพาะประเทศทางเอเชียกับแอฟริกาดอกหรอกครับ ประเทศฝรั่งเศสที่เคยเป็นมหาอำนาจชาติใหญ่ ที่เคยบังคับผู้คนในหลายทวีปพูดภาษาฝรั่งเศสนี่แหละ ก็เที่ยวไปบังคับชาติอื่นให้เลิกภาษาท้องถิ่น ทั้งๆที่ในชาติของตัวเองก็ยังมีพลเมืองพูดภาษาถิ่น อย่างในแคว้นบริตตานี คนฝรั่งเศสที่นั่นพูดภาษาเบรอตอง ท่านลองตระเวนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ซีครับ ตรงนั้นจะมีเทือกเขาพิเรนีสที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างสเปนกับฝรั่งเศส คนฝรั่งเศสตามเทือกเขาพิเรนีสพูดภาษาบาสก์กับภาษากาตาลัน
ในแคว้นโปรวองซ์ ผู้คนท้องถิ่นก็พูดภาษาโปรวองซัล คนในแคว้นเฟลนเดอร์ส พูดภาษาเฟลมิช และในแคว้นอัลซาซลอแรน พลเมืองฝรั่งเศสแท้ๆ แฮ่ๆ แต่กลับพูดภาษาเยอรมัน
เรื่องต้นกำเนิดของคนยุโรป ก็มีผู้คนสนใจกันเยอะ ว่าเอ๊ะ แท้จริงแล้วพวกอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ บรรพบุรุษของคนพวกนี้มาจากไหนกันแน่ วันนี้มาว่ากันเฉพาะฝรั่งเศสก่อนก็แล้วกันครับ อยากจะเรียนว่า ร่องรอยทางโบราณคดีในดินแดนฝรั่งเศสเนี่ย มีร่องรอยย้อนหลังไปได้ไกลถึงแสนปีทีเดียว มีภาพเขียนตามถ้ำจำนวนมากที่พิสูจน์ได้ว่า เขียนในยุคหิน
ถามว่าใครคือบรรพบุรุษแท้จริงของคนฝรั่งเศส ก็ต้องบอกว่า มนุษย์พันธุ์หนึ่ง ซึ่งชอบรบและเลี้ยงแกะอยู่แถวเทือกเขาแอลไพน์ พวกนี้นี่แหละครับ ภายหลังอพยพจากแอลไพน์เข้ามาในดินแดนฝรั่งเศส ต่อมาพวกกอล ซึ่งเป็นคนเผ่าเคลต์ก็เข้ามารุกราน และก็เริ่มมีอิทธิพลเหนือคนพันธุ์อื่น พวกกอลตั้งบ้านเรือนอยู่ทั่วไปในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และอิตาลีตอนเหนือ แถว 4 ประเทศนี่ในสมัยโบราณก็จึงมีชื่อว่า “กอล” ไปด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า คนฝรั่งเศสเริ่มนับถือศาสนากันเมื่อใดและอย่างไร? ขออนุญาตเรียนอย่างนี้ครับ เมื่อ 700 ปีก่อนที่พระเยซูคริสต์จะประสูติ มีคนกรีกเข้ามาตั้งอาณานิคมที่มัสซิเลีย (ปัจจุบันคือเมืองมาร์เซย์) 121 ปี ก่อนคริสต์ศักราช แม่ทัพโรมันที่มีนามว่า จูเลียส ซีซาร์ เข้ามายึดกอลได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งหมด และก็ตั้งศูนย์การบริหารไว้ที่เมืองลุกดูนัม (ปัจจุบันชื่อว่าเมืองลียง)
ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 อาณาจักรโรมันเสื่อม คนป่าเผ่าเยอรมันก็ตีกอล เมื่ออาณาจักรโรมันเจ๊งเมื่อ ค.ศ.476 พระเจ้าคลอวิสที่ 1 ผู้นำของแฟรงค์ (ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของชนเผ่าเยอรมัน) เป็นใหญ่ในกอล และแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งเบอร์กันดี พระองค์หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เมื่อ ค.ศ.496 จากนั้นก็บังคับให้พวกแฟรงค์ทั้งหลายหันมานับถือศาสนาคริสต์ด้วย
พระเยซูคริสต์ประสูติแล้วถึง 496 ปี พวกแฟรงค์ก็จึงถึงหันมานับถือศาสนาคริสต์
นี่แหละครับ ประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส
ขอขอบคุณ คุณนิติภูมิ นวรัตน์
ร่วมน้อมรำลึกและไว้อาลัยสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ประสูติ 6
พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ กรุงลอนดอน) เป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอา
นันทมหิดล และ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิ
วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดช
วิกรม พระบรมราชชนก (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์)
พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๕ และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)และสมเด็จ
พระศรีนครินทราบรมราชชนนี (หม่อมสังวาลย์ มหิดล)พระประสูติกาลเมื่อแรกประสูติ ดำรงพระอิสริยยศเป็น
หม่อมเจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา มหิดล (พระนามพระราชทานพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
สถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวสถาปนา
เป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา โดยคณะผู้สำเร็จราชการในพระปรมาภิไธยพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงกรมเป็น กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว (ทรงเป็นพระราชวงศ์ฝ่ายในที่ทรงกรมเป็นพระองค์แรกและพระองค์เดียวในรัชกาล และเป็นพระ
ราชวงศ์ทรงกรมพระองค์เดียวในปัจจุบัน)เมื่อพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชชีวิตสมรสสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงฉายพร้อมท่าน
ผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอี จากนั้นเสด็จไปศึกษาต่อที่
อินเตอร์เนชั่นแนลสกูล กรุงเจนีวา และทรงสำเร็จปริญญาด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยโลซาน เมืองโลซาน
ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อทรงเสกสมรสกับ พันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์พระองค์มีมีพระธิดา
หนึ่งคนจากการเสกสมรสครั้งนั้น คือท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม (สมรสกับนายสินธู ศรสงครามมีบุตร
คือคุณจิทัศ ศรสงคราม)สถาปนากลับคืนคงพระราชศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ทุกประการโดยพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ทรงเสกสมรสอีกครั้งกับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช (พระ
โอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย และหม่อมแผ้ว)
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายพระราชทานความช่วยเหลือให้แก่ประเทศ
ชาติ แบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มี
โครงการในพระอุปถัมภ์หลายร้องโครงการ ทั้งด้านการแพทย์ ประวัติศาสตร์ ดนตรี ศิลปะ สัตว์เลี้ยง และ
ฯลฯ นอกจากนี้ยังทรงพระอัจริยภาพในด้านการประพันธ์ พระนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงเช่น เวลาเป็นของมีค่า แม่
เล่าให้ฟัง จุฬาลงกรณ์ราชสันตติวงศ์ และ มหามงกุฎราชสันตติวงศ์แต่สิ่งที่ไม่ใคร่มีผู้ใดทราบคือ ทรงมีพระ
ปรีชาสามารถในการขับเครื่องบินปีก 2 ชั้น และทรงขับเฮลิคอปเตอร์ได้อีกด้วย ทรงโปรดสัตว์ทุกประเภท
แต่ที่มีขนาดเหมาะสมกับพระตำหนักคือสุนัข พระองค์ทรงรับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัยไว้ในพระอุปถัมภ์ด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้เสด็จทรงประพาสทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อบำเพ็ญพระกรณียกิจ เช่นโครงการแพทย์ พอสว. (สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระศรีนครินทราบรม
ราชชนนี) และเพื่อทรงส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะที่มีเจ้าฟ้าหญิงที่ทรงบำเพ็ญพระกรณีย
กิจมหาศาลอย่างไม่รู้จักทรงเหนื่อยยากเพื่อความสุขของประชาชนปัจจุบันประทับที่วังเลอดิส ถนนสุขุมวิท
ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มาเป็นระยะเวลานานกว่า ๗๒ ปีแล้ว
"ความเรียบง่าย" พระจริยวัตรอันงดงาม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของพสกนิกรว่า
พระจริยวัตรและพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช
นครินทร์ ยังประโยชน์ให้ชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากโครงการในพระอุปถัมภ์หลาก
หลายโครงการทั้งด้านการแพทย์ ประวัติศาสตร์ ดนตรี ศิลปะ สัตว์เลี้ยงอาทิ มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระ
ศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) แห่งประเทศไทย, มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิควิชาการ และพัฒนาการ
มาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย มูลนิธิขาเทียมในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิเด็ก
โรคหัวใจ เป็นต้นไม่เพียงแต่พระเมตตาที่เป็นที่ชื่นชมแล้ว พระจริยวัตรในการดำเนินพระองค์ด้วย "ความ
เรียบง่าย" ก็เป็นที่ประจักษ์เช่นเดียวกันนายจิทัศ ศรสงคราม บุตรชายของท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม
พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งมีศักดิ์เป็น "หลาน" บอกเล่าความประทับใจต่อ "สมเด็จยาย" ว่า
แม้พระองค์จะไม่ค่อยทรงแนะนำอะไร แต่ลูกหลานจะสามารถซึมซับความงดงามในพระจริยวัตรได้จากการ
ดำเนินพระองค์ ทั้งเรื่องการเสวย ของใช้ส่วนพระองค์ ทรงกระทำทุกอย่างอย่างเรียบง่าย และสมถะ ไม่หวือ
หวาฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ท่านทรงเน้นย้ำกับครอบครัว คือ การวางตัวให้เหมาะสมถูกกา
ละเทศะ การตรงต่อเวลาอย่าทำให้ผู้อื่นคอย และความถูกต้องตามขั้นตอนพิธีการ
อาการพระประชวร แถลงการณ์ฉบับที่ 1 และแถลงการณ์ฉบับที่ 38 แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 1
สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์เรื่อง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส
ราชนครินทร์ ทรงประชวร ฉบับที่ 1 ความว่าเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิ
วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงมีพระอาการผิดปกติเกี่ยวกับพระนาภี คณะแพทย์ได้ถวายตรวจ
พระวรกายและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบมะเร็ง จึงได้กราบทูลเชิญให้ประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาล
ศิริราข โดยถวายการรักษาด้วยพระโอสถ พระอาการโดยรวมดีขึ้นบางระยะ ทรงและทรุดลงบางช่วงเวลาเช้า
วันนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีพระวรกายด้านขวา
อ่อนแรง คณะแพทย์ได้ถวายตรวจพระสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่ามีเนื้อสมองด้านซ้ายตายเป็น
วงกว้าง จากเส้นเลือดสมองอุดตัน จึงได้ถวายพระโอสถรักษา และเฝ้าติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดจึง
ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันสำนักพระราชวัง15 มิถุนายน 2550แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 38
สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์เรื่อง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส
ราชนครินทร์ ทรงประชวร ฉบับที่ 38 ความว่าวันนี้ (1 ม.ค.) คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระเจ้าพี่
นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รายงานว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า
กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีพระอาการโดยรวมทรุดลง ไม่รู้สึกพระองค์ หายพระทัย
อ่อนลง พระวักกะ (ไต) ไม่ทำงาน คณะแพทย์ฯ ได้ถวายการรักษาตามพระอาการอย่างใกล้ชิดจึงขอ
ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันสำนักพระราชวัง1 มกราคม 2551
ประกาศสำนักพระราชวัง พระพี่นางฯ สิ้นพระชนม์แล้วสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรม
หลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลา 02.54 น. ของเช้าวันพุธที่ 2 มกราคม 2551 ที่
ผ่านมา หลังทรงเข้ารับการรักษาพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลศิริราชหลายสัปดาห์
ขอบคุณที่มาจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี แถลงการณ์สำนักพระราชวังจาก โพสต์ทูเดย์.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)